ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ (All-New Honda City 2014) รถยนต์นั่งซีดานในกลุ่ม B-Segment เครื่องยนต์ 1500 ซีซี ของค่ายฮอนด้าที่ถือเป็นเจเนอเรชั่นที่ 4 ซึ่งได้รับการออกแบบพัฒนามาพร้อมรูปโฉมโดดเด่นและยังอัดแน่นด้วยอุปกรณ์มาตรฐานด้านระบบความปลอดภัยที่เรียกว่าเป็นค่ายแรกที่ให้มาครบตั้งแต่รุ่นล่างไปยังรุ่น Top สุด
ทีมงาน Auto-Thailand ก็ได้มีโอกาสเดินทางไปสัมผัสสมรรถนะของฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ กันที่จังหวัดเชียงราย ในแบบทดสอบกลุ่ม จะมีอะไรน่าสนใจบ้างนั้นติดตามกันได้เลยครับ
คลิปทดลองขับ Honda City 2017
www.auto-thailand.com/TestDrive/New-Honda-City-2017-Review-VDO.html
ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ (All-New Honda City 2014) ได้รับการพัฒนาด้วยแนวคิดใหม่ในการออกแบบยนตรกรรมของฮอนด้า คือ “Exciting H Design” ซึ่ง H ในที่นี้หมายถึง ต้องการให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นศูนย์กลาง (Human Center) โดยนำแนวคิด “Man-Maximum Machine-Minimum” มาเป็นแกนหลักในการพัฒนา ซึ่งสะท้อนถึง 3 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ “High Tech” ที่แสดงถึงนวัตกรรมอันล้ำสมัยแต่สามารถใช้งานได้ง่าย “High Tension” โครงสร้างที่แสดงถึงพลังแห่งการขับเคลื่อน และ“High Touch” ทุกรายละเอียดของการออกแบบเพื่อตอบสนองต่อประสาทสัมผัสทั้งห้า
ด้านหน้าฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ (All-New Honda City 2014) ได้รับการออกแบบให้แนวเส้นของกระจังหน้าและไฟหน้าเชื่อมต่อกันและเน้นไปที่สัญลักษณ์ตัว H เพิ่มความเฉียบคมและความพรีเมียมหรูหราด้วยกระจังหน้าแบบแพลตินัมและไฟหน้าแบบ 4 ดวง แบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ นอกจากนั้น กันชนหน้ายังถูกออกแบบให้เหมือนกับหัวลูกศรและครอบคลุมด้านหน้าและด้านข้างของตัวรถ ด้านข้างได้รับการออกแบบให้มีแนวเส้นที่ลากผ่านจากประตูหน้าไปจนถึงด้านท้ายของรถ เน้นให้เกิดสัมผัสแห่งความสปอร์ต และความเร้าใจในการขับเคลื่อน
ด้านท้ายฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ (All-New Honda City 2014) โดดเด่นสะดุดตาด้วยการออกแบบให้ไฟท้ายแบบ Brilliant cut ยาวต่อเนื่องมายังฝากระโปรงท้าย และเชื่อมต่อด้วยคิ้วโครเมียมฝากระโปรงท้ายเพื่อทำให้รถกว้างขึ้น
ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ (All-New Honda City 2014) มีความยาวทั้งคัน 4,440 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,471 มิลลิเมตร (ในรุ่น S และ V) และสูง 1,477 มิลลิเมตร (ในรุ่น V+, SV และ SV+) ระยะฐานล้อ 2,600 มิลลิเมตร ซึ่งเมื่อย้อนไปเทียบกับฮอนด้า ซิตี้ รุ่นก่อนที่มีความยาว 4,415 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,470 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,550 มิลลิเมตร พบว่าฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ มียาวกว่ารุ่นเก่า 25 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อยาวกว่ารุ่นเก่า 50 มิลลิเมตร ส่วนความกว้างเท่าเดิม ความสูงเพิ่มขึ้นนิดหน่อยตามรุ่นย่อยระหว่าง 1-7 มิลลิเมตร และพื้นที่วางขาเพิ่มขึ้น 60 มิลลิเมตร ฝากระโปรงท้ายลึกขึ้น 20 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 130 มิลลิเมตร และมีความจุ 536 ลิตร
ภายในห้องโดยสารฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ (All-New Honda City 2014) ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Layered Floating Cockpit” ซึ่งแสดงถึงภาพลักษณ์ที่ดูล้ำสมัยและมีความสปอร์ต โดยมีการเลือกใช้วัสดุที่เปี่ยมคุณภาพ ทั้งยังให้ความสะดวกสบายในการใช้งาน การออกแบบคอนโซลหน้าเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกันกับคอนโซลกลางแบบ T Zone ให้ความเรียบหรูของซีดานระดับพรีเมียม พร้อมดีไซน์พื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังให้กว้างสบายยิ่งขึ้น ขยายความกว้างของพื้นที่บริเวณหัวไหล่ขึ้นอีก 40 มิลลิเมตร พื้นที่วางขาผู้โดยสารด้านหลังเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 60 มิลลิเมตร เบาะนั่งด้านหลังยังได้รับการออกแบบองศาให้เอนอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับสรีระ และยังสามารถปรับพับได้แบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่วางสัมภาระได้อย่างเต็มที่ (เฉพาะรุ่น SV และ SV+) นอกจากนี้ยังเพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยลำโพงถึง 8 ตำแหน่ง ให้ความสุนทรีย์ตลอดการเดินทาง
ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ (All-New Honda City 2014) มาพร้อมเครื่องยนต์ SOHC i-VTEC 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที (โดยจากรุ่นเก่าให้แรงม้าสูงสุดที่ 120 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที ) ผสานกับระบบเกียร์ CVT ใหม่ ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ขยายอัตราทดเกียร์ให้กว้างขึ้น พร้อมระบบ G-Design Shift ช่วยให้อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมอัตราเร่งที่ตอบสนองได้เร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังรองรับการใช้พลังงานทางเลือก E85 ได้อีกด้วย
ช่วงทดสอบ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ (All-New Honda City 2014)
กับทีมงาน Auto-Thailand
หลังจากเดินทางถึงสนามบินจังหวัดเชียงราย ทีมงาน Auto-Thailand และคณะทดสอบเดินทางต่อไปยังโรงแรมที่พักซึ่งเป็นสถานที่เริ่มต้นทดสอบพร้อมรับฟังบรรยายสรุปข้อมูลตัวรถ และเส้นทางการทดสอบจากทีมงานฮอนด้าพร้อมวิศวกรชาวญี่ปุ่น
ในการทดสอบฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ (All-New Honda City 2014) ครั้งนี้ ทีมงาน Auto-Thailand ได้ทดสอบฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ในรุ่น SV+ สีขาว ที่ถือว่าเป็นรุ่น Top สุดที่มาพร้อมอุปกรณ์ออพชั่นต่างๆแบบจัดเต็ม และมีผู้ร่วมทดสอบอีก 1 ท่านร่วมเดินทางทดสอบ โดยสลับสับเปลี่ยนกันทดสอบขับ ในเส้นทางการทดสอบระยะทางไป-กลับ ประมาณ 190 กิโลเมตร และใช้น้ำมันเชื้อเพลิง E85 ตลอดการทดสอบ
ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร ทีมงาน Auto-Thailand ขอเป็นนั่งเป็นผู้โดยสารก่อน ภายในห้องโดยสารของฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ (All-New Honda City 2014) เบาะนั่งโดยสารด้านหน้าให้ความกว้างขว้างสะดวกสบาย วัสดุคอนโซลหน้าของรุ่น SV+ นี้จะเป็นแบบนุ่มให้ความสวยงามหรูหราดี ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advance Touch รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย แสดงผลอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และยังรองรับการเชื่อมต่อภาพและเสียงผ่าน HDMI ที่ใช้งานง่ายเพียงแค่สัมผัสสั่งงานแบบเดียวกันพวกสมาร์ทโฟน ทั้งยังเพิ่มความสะดวกสบายหรูหรากับระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัสที่เรียกว่าเป็นรุ่นแรกในรถระดับเดียวกันที่มาให้ใช้งาน
ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ (All-New Honda City 2014) ยังตอบสนองการใช้ชีวิตการเดินทางในปัจจุบันด้วยช่องสำหรับชาร์จกระแสไฟฟ้ามากถึง 3 จุด โดยจุดแรกอยู่บริเวณด้านใต้ของช่องปรับอากาศของเบาะนั่งด้านหน้า และอีก 2 จุดจะอยู่ทางด้านหลังของพนักเท้าแขนด้านหน้าสำหรับอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารที่อยู่เบาะนั่งด้านหลัง
เตรียมพร้อมออกเดินทาง ปรับเบาะนั่งให้ได้ระดับเรียบร้อย ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด จึงพบจุดที่อยากติในเรื่องนี้สักหน่อย คือ จุดยึดของเข็มขัดนิรภัยในฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ (All-New Honda City 2014) ไม่สามารถปรับสูง-ต่ำได้ ในขณะที่รุ่นเก่ามีมาให้ใช้งาน ซึ่งตรงนี้อาจจะไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้งานที่มีรูปร่างที่ค่อนข้างสูงใหญ่
ในระหว่างการเดินทางทดสอบ ทีมงาน Auto-Thailand ขอข้ามไปลองนั่งโดยสารที่เบาะนั่งด้านหลังที่ให้ความกว้างขวางกว่าเดิม ในขณะที่ผู้ขับขี่เลื่อนเบาะนั่งหน้ามาเกือบสุด พื้นที่วางเท้า และหัวเข่า ก็ยังเหลือพื้นให้ใช้งานแบบสบาย โดยเบาะนั่งโดยสารด้านหลังนี้ ในรุ่นเก่าจะสามารถปรับได้ 1 ระดับ แต่ในฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ (All-New Honda City 2014) ไม่สามารถปรับได้ จากการสอบถามวิศวกรฮอนด้าได้รับคำตอบกว่า ได้ปรับตำแหน่งมาเท่ากับรุ่นเดิมแล้ว และตรงบริเวณด้านหลังนี้เองถ้าเป็นผู้ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ พื้นที่เหนือศีรษะก็จะเหลือน้อย แต่ถ้าเป็นผู้โดยสารรูปร่างมาตราฐานไซซ์คนไทยก็ไม่มีปัญหาในเรื่องนี้
สำหรับความรู้สึกในการนั่งโดยสารในด้านหลัง นอกจากให้ความกว้างขวางสะดวกสบายแล้ว ยังสัมผัสถึงความนุ่มนวล และความเงียบของห้องโดยสารที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถเก็บเสียงรบกวนได้ดีมากขึ้น
เมื่อถึงจุดแวะพัก ทีมงาน Auto-Thailand จึงเปลี่ยนมาเป็นผู้ขับทดสอบ ก้าวเข้าสู่เบาะนั่งผู้ขับขี่ ตัวเบาะให้ความกระชับนั่งสบาย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นควบคุมระบบต่างๆ ที่ปรับระดับได้ 4 ทิศทางทำให้เข้ากับรูปร่างของผู้ขับขี่ได้อย่างสบาย ระบบ Cruise Control พร้อมมีปุ่ม Paddle Shift ไว้ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย และทันที่ที่กดปุ่ม Start มาตรวัดเรืองแสงสีฟ้า Blue Triple Meter ก็จะแสดงข้อมูลต่างๆที่จำเป็นในการขับขี่ที่สามารถปรับค่าได้จากปุ่มมัลติฟังก์ชั่นที่พวงมาลัย และอีกอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ ที่ติดตั้งอยู่ทางด้านท้ายของรถสามารถแสดงผลผ่านทางหน้าจอ เพื่อความสะดวกในการถอยเข้าจอด
เริ่มเคลื่อนตัวออกสู่ถนนในการทดสอบในเที่ยวขากลับ ซึ่งก็จะใช้เส้นทางเดิมในการเดินทาง ที่เรียกว่าครบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทางตรง ทางโค้งต่อเนื่อง และผ่านแหล่งชุมชน พละกำลังจากเครื่องยนต์ 117 แรงม้า ที่ดูจากตัวเลขแล้วลดลงจากเดิม อาจมาจากการที่ต้องพัฒนาให้ผ่านมาตรฐานด้านมลพิษ และเพื่อรองรับการใช้งานได้กับเชื้อเพลิง E85 จากการการขับขี่ไม่รู้สึกถึงแรงม้าที่น้อยลง การขับเคลื่อนส่งกำลังจากระบบเกียร์ CVT ตัวใหม่ ทำได้ราบรื่น ต่อเนื่อง แต่ตรงนี้ขอบอกไว้ว่า การขับขี่รถยนต์ในระบบเกียร์ CVT ในทุกยี่ห้อนั้นจะคล้ายกันคือต้องค่อยๆ ไล่ความเร็วตามรอบขึ้นไป ซึ่งถ้านำไปเปรียบเทียบกับระบบเกียร์แบบเดิม (ทอร์กคอนเวอร์เตอร์) ที่เมื่อยามที่ต้องการอัตราเร่งก็จะกระแทกคันเร่งทันที ก็จะตอบสนองได้ค่อนข้างทันใจ แต่ถ้ามาใช้การขับขี่แบบนั้นกับระบบเกียร์ CVT ก็จะพบว่าเหมือนรอบเครื่องไปแล้วแต่ความเร็วไม่ได้ดังใจ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องเข้าระบบการทำงานของเกียร์ในรถยนต์ที่เราขับขี่อยู่ด้วย แต่ที่แน่ๆ ระบบเกียร์ CVT ก็จากมาพร้อมสมรรถนะความนุ่มนวลในการถ่ายทอดกำลัง และที่สำคัญยังช่วยเพิ่มให้เราขับขี่ด้วยความประหยัดเชื้อเพลิงอีกด้วย แต่ขอบอกตรงนี้ว่า อัตราเร่งของฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ กับระบบเกียร์ CVT ที่ใช้เชื้อเพลิง E85 ก็ให้การตอบสนองอัตราเร่งได้ดีพอสมควร สำหรับพี่ๆสื่อฯบางท่านได้ลองจับเวลาดู 0-100 กิโลเมตร/ชม.ได้ประมาณ 11 วินาที (โรงงานเคลมไว้ที่ 10.2) ก็ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว
ถึงตรงนี้จะมีเสียงถามมาว่า แล้วเกียร์ CVT ตัวนี้จะมีอายุการใช้งาน หรือปัญหาเหมือนรุ่นก่อนๆหรือเปล่า ??... จากการสอบถามทีม วิศวกรฮอนด้า ได้รับการยืนยันว่า เกียร์ CVT ในฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ตัวนี้จากการทดสอบจากโรงงานประเทศญี่ปุ่นว่าสามารถใช้งานได้เกินกว่า 320,000 กิโลเมตร และก็ยังให้ความมั่นใจในการใช้งานกับเงื่อนไขรับประกัน 3 ปี 100,000 กิโลเมตร เรียกว่ามั่นใจกันได้เลยครับ เพราะปัจจุบันรถยนต์จากค่ายเจ้าตลาดทั้งหลายก็ใช้บริการระบบเกียร์ CVT กันหลายเจ้าครับ
ความรู้สึกในการขับขี่นั้น พวงมาลัยของฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ (All-New Honda City 2014) ยังเป็นแบบไฟฟ้า EPS ที่ให้น้ำหนักเบามือ เท่าที่ลองสังเกตจะเบากว่ารุ่นก่อนนี้ด้วย ในการถอยจอด หรือขับขี่ช้าๆ ให้ความสะดวกสบายจากน้ำหนักพวงมาลัยที่เบาแรง เรียกว่าเหมาะมากสำหรับคุณผู้หญิงในการใช้งาน แต่เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงระบบก็จะปรับความหนืดเพิ่มขึ้น แต่เท่าที่สัมผัสได้นั้นยังรู้สึกเบาไปหน่อย คงต้องใช้งานให้คุ้นชินกว่านี้ก็จะมั่นใจมากขึ้น
อีกจุดหนึ่งที่รู้สึกว่ามีสมรรถนะที่ดีขึ้นก็คือ ระบบช่วงล่างของฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ (All-New Honda City 2014) ที่ด้านหน้าเป็นแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัต ด้านหลังเป็นแบบระบบทอร์ชันบีมแบบตัว H แต่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาจากเดิม ทำให้การขับขี่ทั้งในทางตรงและทางโค้งทำได้อย่างมั่นใจ แต่อาจจะมีเสียงรบกวนจากยางรถบ้างที่น่าจะมาจากการเน้นใช้ยางที่ลดแรงต้านทานและให้ความสิ้นเปลืองต่ำ ถ้าได้ยางแนวสปอร์ตมาใช้งานรับรองว่าขับขี่ได้สนุกมั่นใจกว่านี้แน่นอน
ในด้านระบบเบรกของฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ (All-New Honda City 2014) ที่ด้านหน้าเป็นแบบดิสก์ ส่วนด้านหลังเป็นแบบดรัมเบรก ที่จะว่ากันจริงๆที่ได้ลองเบรกก็ให้ความมั่นใจดีกว่า รถยนต์รุ่นอื่นที่เป็นแบบดิสก์เบรก 4 ล้อ เสียอีก แต่อย่างว่าครับ ในรุ่นเก่าเป็นแบบดิสก์เบรก 4 ล้อ รุ่นใหม่กลับเป็นระบบดรัมเบรกก็ต้องถูกมองว่าลดออพชั่นเป็นธรรมดา แต่ก็มีอีกจุดหนึ่งที่เป็นจุดเด่น และเป็นเจ้าแรกในตลาดรถยนต์นั่งในระดับนี้ คือ การใส่ระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็มที่เรียกว่ารถยนต์ในระดับราคาเกินล้านหลายรุ่นยังไม่มี ที่สำคัญคือติดตั้งมาในแบบอุปกรณ์มาตรฐานตั้งแต่รุ่นล่าง ก็คือ ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรกควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ระบบควบคุมการทรงตัว VSA และ TCS ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA รวมถึงระบบถุงลมนิรภัยคู่หน้า Dual SRS ระบบถุงลมนิรภัยด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง เป็นต้น
ส่วนในยามที่ต้องการขับขี่ด้วยความประหยัดก็สามารถใช้งานกับปุ่ม ECON โดยจะมีไฟรูปใบไม้สีเขียวขึ้นที่หน้าปัด ความรู้สึกในการเหยียบคันเร่งจะหนืดๆ แต่เมื่อต้องการใช้อัตราเร่งมากกว่าเดิม ก็เพียบกดปุ่ม ECON ยกเลิกการทำงาน ไฟรูปใบไม้สีเขียวที่หน้าปัดดับ ก็จะรู้สึกได้ถึงความกระฉับกระเฉงขึ้นมา แต่จะมีอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นบ้าง
ในเรื่องอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ (All-New Honda City 2014) ที่ในการทดสอบในครั้งนี้ใช้เชื้อเพลิง E85 ตลอดการเดินทางทดสอบ จากการสังเกตคร่าวๆ จากข้อมูลที่แสดงบนหน้าจออยู่ประมาณ 12 กิโลเมตร/ลิตร ก็ถือว่าน่าพอใจ เพราะตลอดการเดินทางแทบไม่ได้ใช้ความเร็วคงที่เลย เรียกว่าต้องทำความเร็ว และเร่งแซงเกือบตลอดเส้นทางเนื่องจากมีรถร่วมใช้ทางค่อนข้างเยอะ และอีกข้อที่เป็นที่รู้กันคือ การใช้เชื้อเพลิง E85 จะมีอัตราความสิ้นเปลืองมากการปรกติ ถ้าใช้น้ำมันเบนซินทั่วไปก็จะได้ตัวเลขและสมรรถนะที่ดีกว่านี้แน่นอน
ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ (All-New Honda City 2014) รถยนต์นั่งซีดานในกลุ่ม B-Segment รุ่นล่าสุดจากฮอนด้า ด้วยรูปโฉมโดดเด่นสะดุดตา ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง เครื่องยนต์พร้อมระบบเกียร์ CVT รุ่นใหม่ รองรับเชื้อเพลิง E85 ที่สามารถถ่ายทอดกำลังได้อย่างราบรื่นต่อเนื่อง รวมถึงระบบช่วงล่างที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้การขับขี่ที่ดีขึ้น ทั้งยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็ม ถือว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ของรถในคลาสนี้เลยก็ว่าได้ กับ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ยนตกรรมที่ไม่หยุดแค่คำว่าที่สุด…อย่าเชื่อผม ถ้าคุณยังไม่ได้ทดลองขับด้วยตัวคุณเอง...